Thursday, 12 February 2015

ประวัติสินค้าของการค้าระหว่างประเทศ

ประวัติเศรฐกิจไทย

เรื่อง ประวัติสินค้าของการค้าระหว่างประเทศ


ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ดี กล่าวคือลักษณะเป็นแหลมเหมาะกับการเป็นเมืองท่าศูนย์กลางของการค้าขาย ประกอบกับเป็นพื้นที่ที่มีอุดมสมบูรณ์มาก ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารก็เจริญงอกงามดีเป็นอู่ข้าวอู่น้ำมีทรัพยากรที่เป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติมากมาย จึงมีหลายประเทศที่อยากเข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยน หรือทำการค้ากับประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยก็มีความต้องการในสินค้าของชาวต่างชาติจึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการค้าและการแลกเปลี่ยนกันในอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งสินค้าที่นำเข้าและส่งออกก็มีความแตกต่างกันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยเริ่มจากสมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน ดังนี้


1. สมัยสุโขทัย

สภาพเศรษฐกิจสมัยสุโขทัยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ดังข้อความปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1
 "ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้า ทองค้า " และ
 "... เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ลู่ทาง..."
จึงทำให้ค้าขายได้สะดวกสบายถือว่าเป็นยุคเริ่มต้นของการค้าขายกับต่างประเทศอย่างจริงจังแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักของทั่วโลกมากนักค้าขายภายในภูมิภาคเดียวกัน ส่วนมากจะทำการค้ากับหงา วสดี ขอม มลายู ชวา และจีนทางสำเภาในระบบบรรณาการ

ซึ่งสินค้าออก             ได้แก่ เครื่องเทศและของป่า เช่น พริกไทย ไม้ฝาง งาช้าง หนังสัตว์ ไม้หอม นอแรด เครื่องถ้วยชามสังคโลก





ส่วนสินค้าเข้า           ได้แก่  เป็นประเภทผ้าไหม เครื่องประดับ โดยเฉพาะผ้าไหมที่พ่อค้าจีนนำมาขายเป็นที่ต้องการของเจ้านายเชื้อพระวงศ์ ชั้นสูงและขุนนางสุโขทัย







2 .  สมัยอยุธยา

สภาพเศรษฐกิจสมัยนั้นเป็นสมัยที่เจริญรุ่งเรืองมากเนื่องจากเหตุปัจจัยดังนี้
-          เป็นเมืองที่เริ่มเป็นที่รู้จักของพ่อค้ามากยิ่งขึ้นชาติตะวันตกเริ่มเข้ามาติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พ.ศ. 2060) โดยโปรตุเกสเป็นชาติแรก แต่การค้ากับชาติตะวันตกเริ่มขึ้นอย่างจริงจังและกว้างขวางในรัชสมัยสมเด็จพระเอกทศรถเป็นต้นไป และถือว่าเจริญถึงขีดสุดในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและเสื่อมลงในสมัยตอนปลายของอยุธยา
-          การเข้ามาค้าขายของชาวต่างชาติทำได้สะดวกมากขึ้น เนื่องจากอยุธยาใกล้อ่าวไทยมากกว่าสุโขทัย
-          การขยายอำนาจของอยุธยามีมากขึ้นทำให้มีทรัพยาการมากมายเพียงพอต่อความต้องการของชาวต่างชาติ
แลกกับเทคโนโลยีทางด้านทหารเช่นอาวุธที่ไทยต้องการจึงเกิดการแลกเปลี่ยนกันเกิดขึ้น
-          การพัฒนาการค้าให้มีระบบมากขึ้น เกิดการเก็บภาษีและการตั้งหน่วยงานฝ่ายต่างๆเช่นพระคลังสินค้า ทำให้อยุธยามีความมั่งคั่งและอำนาจต่องรองในการทำการค้าขายมากยิ่งขึ้น

สินค้านำเข้า มี     2   ประเภท  
1 สินค้าที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของอาณาจักร ได้แก่ พวกอาวุธปืนกระสุนดินดำ
2  สินค้าที่ทางรัฐบาลพิจารณาเห็นว่า จะทำกำไร ได้แก่ ผ้าไหม ผ้าแพร ผ้าลาย เครื่องถ้วยชาม และเครื่องกระเบื้อง ผู้ซื้อสินค้าเหล่านี้ คือ พระมหากษัตริย์ เจ้านาย และขุนนาง



สินค้าออก สินค้าออกของราชอาณาจักรอยุธยาขายผ่านพระคลังสินค้า ทั้งนี้เพราะสินค้าพื้นเมืองบางชนิดเป็นที่ต้องการของชาวต่างประเทศมาก หากปล่อยให้ซื้อขายกันโดยเสรีเกรงว่าของเหล่านั้นจะหมดสิ้นไป ไม่มีใช้ในราชการบ้านเมือง จึงกำหนดให้เป็นสินค้าต้องห้าม ต้องซื้อขายผ่านพระคลังสินค้า เช่น ไม้กฤษณา นอแรด ดีบุก งาช้าง ไม้จันทน์ ไม้หอม และไม้ฝาง เป็นต้น สินค้าต้องห้ามนี้เพิ่มประเภทขึ้นโดยลำดับ เช่น ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง สินค้าต้องห้าม เช่น ดินประสิว ตะกั่ว ฝาง หมากสง หนังสัตว์ เนื้อไม้ งาช้าง ดีบุก ไม้หอม เป็นต้น



















                           ไม้ฝาง                                                        ไม้หอม





 
                                                                    หมากสง


สินค้าที่ชาวต่างประเทศต้องการมากอีกอย่างหนึ่ง คือ ข้าว ตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ข้าวกลายเป็นสินค้าออกที่สำคัญ โดยส่งไปประเทศจีนไม่น้อยกว่าปีละ 65,000 หาบ บางปีส่งไปหลายแสนหาบ และบางปีถึง 1 ล้าน 5 แสนหาบ


3 .  สมัยธนบุรี

สภาพเศรษฐกิจสมัยนั้นเป็นสมัยธนบุรีเป็นช่วงที่บ้านเมืองอยู่ในความวุ่นวาย เป็นช่วงที่ต้องคอยขับไล่ข้าศึกประกอบกับต้องคอยฟื้นฟูบ้านเมืองจากภัยสงคราม ประชาชนอดอยากขาดเสบียงไม่มีเวลาทำนาเพราะต้องรบตลอดเวลา จึงต้องใช้เวลานานก็จะผ่านพ้นภาวะวิกฤต

สินค้านำเข้า    ส่วนมากเป็นเสบียงที่ซื้อมาเพื่อเลี้ยงประชาชนในยามที่ขาดแคลนอาหารหรือระหว่างทำศึกจากเรือ           สำเภา  เช่น ข้าว
สินค้าส่งออก  เนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในภาวะวิกฤตจึงไม่คอยไม่มีเวลาค้าขายกับต่างชาติสักเท่าไร


4.  สมัยรัตนโกสินทร์

            สภาพเศรษฐกิจสมัยรัตนโกสินทร์นั้นเป็นยุคที่มีการพัฒนาปรับปรุงประเทศมากมายจึงสามารถแบ่งเป็นช่วงได้ 3 ช่วงดังนี้

1.       รัตนโกสินทร์สมัยฟื้นฟูและเริ่มต้นบุกเบิกประเทศ(รัชกาลที่ 1-3)
เศรษฐกิจในช่วงนี้มีการฟื้นฟูเศรษฐกิจสืบเนื่องกันมาจากกรุงธนบุรีจนกระทั่งเศรษฐกิจดีมีความคล่องตัวมากมีการค้าขายหลากหลายรูปแบบ การค้าขายสะดวกมากขึ้นเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ติดกับอ่าวไทย ในช่วงแรกประเทศมีความมั่งคั่งมากมีเงินในพระคลังหรือที่เรียกว่าเงินถุงแดงมากมาย
-          จีนถือว่าเป็นชาติสำคัญทางการค้ามีการแต่งสำเภาค้าขายมากมายมายและมีเรือสำเภาหลวง
-          ชาติตะวันตกยังเข้ามาค้ายขายน้อยเนื่องจากไม่พอใจในระบบการรค้าของไทยที่ไมแน่นอนทางด้านภาษีและการผุกขาดของพระคลังสินค้า

สินค้าออก      ได้แก่  ดีบุก งาช้าง ไม้ น้ำตาล พริกไทย รังนก กระดูกสัตว์ หนังสัตว์ กระวาน และครั่ง
ส่วนสินค้าเข้า  ได้แก่ เครื่องถ้วยชามสังคโลก ชา ไหม เงิน ปืน ดินปืน กระดาษ เครื่องแก้ว 





2. สมัยรัตนโกสินทร์ยุคปฏิรูปบ้านเมือง (รัชกาลที่ 4-7)
เป็นสมัยที่เกิดการล่าอณานิคมของชาติตะวันตก ทำให้ประเทศไทยต้องมีการปฎิรูปประเทศมากมายเพื่อให้ทัดเทียมกับอารยประเทศที่จะได้ไม่เป็นข้ออ้างเหล่าประเทศที่ล่าอาณานิคมต่างๆ หรือเสียเงินให้กับค่าปฏิกรณ์สงครามที่ไทยได้ทำกับประเทศที่เข้ามายึดดินแดนประเทศราชของไทย หรือรักษาเอกราชของดินแดนไทยเอง และเมื่อผ่านช่วงวิกฤตล่าอณานิคมของชาวตะวันตกได้ แต่ประเทศไทยก็ต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักจากผลกระทบสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้การที่เงินในพระคลังที่ร่อยหรอจากช่วงพัฒนาประเทศหรือจ่ายให้กับประเทศที่มาล่าอาณานิคม ทำให้ข้าวของมีราคาแพงราชการขาดเงินหมุนเวียนจึงมีมาตรการในการรัดเข็มขัดสร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางประชาชนอย่างมาก
-          มีการทำสนธิสัญญาเก็บภาษีทำให้น้อยลงจึงมีเริ่มการค้ายขายกับตะวันตก
-          เป็นชาวงพัฒนาประเทศเริ่มมีสินค้าแปลกใหม่เข้ามา

3. สมัยรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน (รัชกาลที่ 7-9(ปัจจุบัน))
เป็นสมัยที่บ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก การพัฒนาเป็นรุปแบบมีระเบียบแบบแผน จนกระทั่งปรเทศไทยเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ  มีการค้าขายและสินค้ารูปแบบใหม่ตามสมัยเวลาที่ความต้องการของประชาชนเปลี่ยนไปเนื่องจากเกิดวัตถุนิยมมากขึ้นตามการพัฒนาของเทคโนโลยี ในบางช่วงไทยอาจได้รับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกบ้างแต่ก็พอประคับประคองได้

สินค้าส่งออกสำคัญ 10 รายการแรกของไทย
1.  เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
 2.  รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
 3.  แผงวงจรไฟฟ้า
 4.  ยางพารา
 5.  เม็ดพลาสติก
 6.  อัญมณีและเครื่องประดับ
 7.  น้ำมันสำเร็จรูป
 8.  เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
 9.  เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ
 10.  เคมีภัณฑ์

สินค้านำเข้าสำคัญ 10 รายการแรกของไทย
 1. น้ำมันดิบ
 2. เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
 3. เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
 4. เคมีภัณฑ์
 5. แผงวงจรไฟฟ้า
 6. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
 7. เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
 8. สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
 9. เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ
10. ส่วนประกอบและอุปกรณ์

ที่มา : กรมส่งเสริมการส่งออก อ้างอิง พ.ศ. 2549




จัดทำโดย นายปภาวิชญ์ บุญญาพงศ์นุกูล 

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

วิชา ประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์








No comments:

Post a Comment